ต้นลิเภา
จัดเป็นเฟิร์นทอดเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่นยาวได้หลายเมตร
ลำต้นเป็นเหง้าสั้นมีขนสีน้ำตาลเข้มหนาแน่น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-6
มิลลิเมตร ไม่มีเกล็ด ลำต้นเมื่อแก่จะมีสีดำและเป็นมัน
ขยายพันธุ์โดยใช้สปอร์และวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด
ชอบแสงแดดรำไร พบขึ้นตามป่าทั่วไป ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ป่าผลัดใบ
ป่าผลัดใบผสมทั่วทุกภาคของประเทศ
ใบลิเภา ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น
แกนกลางมีลักษณะเป็นเถาเลื้อย แกนกลางใบประกอบชั้นที่ชัดเจน โคนก้านใบเป็นสีน้ำตาล
ส่วนด้านบนเป็นสีเหลืองน้ำตาล มีขนสีน้ำตาล มีปีกแผ่ยื่นออกมาไม่ชัดเจนหรือไม่มี
ใบย่อยออกเรียงบนแกนกลางของใบ โดยใบย่อยที่ไม่สร้างสปอร์ ก้านใบย่อยจะยาวได้ประมาณ
2-4
มิลลิเมตร แผ่นใบเป็นรูปใบหอก ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจ
ส่วนขอบใบหยักเว้าเป็นฟันปลา มีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร
และยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ
ผิวใบมีขนใส หลังใบเกลี้ยง ส่วนท้องใบมีขนขึ้นประปรายตามเส้นใบ
ส่วนใบย่อยที่สร้างสปอร์ที่อยู่กลางเถาขึ้นไปนั้น
แอนนูลัสจะประกอบด้วยเซลล์เพียงแถวเดียว
เรียงตัวในแนวขวางและอยู่ตรงยอดของอับสปอร์
เยื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์เทียมจะมีลักษณะเป็นถุงเรียงซ้อนกันและมีขนใส
กลุ่มสปอร์นั้นจะเกิดที่ขอบใบย่อย มีขนาดกว้างประมาณ 1.5 มิลลิเมตร
และยาวได้ถึง 1 เซนติเมตร[2] ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า
ลักษณะของใบย่อยนั้นจะมีอยู่หลายรูปร่าง เช่น ขอบขนาน ถึงรูปสามเหลี่ยมยาว
ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-12 เซนติเมตร
และยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร
สรรพคุณของลิเภา
-ชาวเขาเผ้าอีก้อ แม้ว มูเซอ และเย้า
จะใช้ราก เหง้า ลำต้น ทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการเจ็บคอ เสียงแหบ
(ทั้งต้น)[1]
-ทั้งต้นมีรสจืดเย็น
มีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะ (ทั้งต้น)
-รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการร้อนใน
(ราก)
-ใบอ่อนหญ้าลิเภา (ชนิด Lygodium
circinatum (Burm. F.) Sw. เข้าใจว่าใช้ได้ทั้งสองชนิด)
สามารถนำมาแช่กับน้ำแล้วห่อด้วยผ้าสะอาด
บีบเอาน้ำออกมาใช้เป็นยาหยอดตาแก้ตาเจ็บหรือนัยน์ตาเป็นแผล (ใบอ่อน)[5] ส่วนอีกข้อมูลระบุว่า น้ำคั้นจากใบก็ใช้เป็นยาหยอดตาแก้ตาเจ็บได้เช่นกัน
-ตำรายาไทยจะใช้ทั้งต้นปรุงเป็นยาแก้พิษฝีภายใน
ฝีภายนอก (ทั้งต้น)
ทั้งต้นรวมรากและเหง้าใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ
รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต เลือดตกใน (ทั้งต้น)[1]
-รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปัสสาวะแดง
ปัสสาวะเหลือง (ราก)
-รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคริดสีดวงทวารและโรคนิ่ว
(ราก)
-ราก ใบ
และเถาใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้เลือดพิการ แก้ระดูมากะปริบกะปรอย (ราก,
ใบ, เถา)
-ใบนำมาขยี้ใช้พอกแผลช่วยห้ามเลือด
หรือใช้พอกแผลสด จะช่วยทำให้แผลแห้งและหายเร็วยิ่งขึ้น (ใบ)
-ใช้เป็นยารักษาบาดแผลและแผลพุพอง (ใบ)
-ใบใช้ตำพอกรักษาโรคหิด ผื่นแดง
ฝีฝักบัว (ใบ)
ทั้งเถาและใบใช้ตำพอกปิดแผลที่อสรพิษขบกัดต่อย
เป็นยาถอนพิษ แก้ฟกบวม ทำให้เย็น และช่วยแก้อาการอักเสบจากงู ตะขาบ แมงป่อง
และแมลงมีพิษกัดต่อย (ทั้งต้น)
-ส่วนใต้ดิน นำมาต้มเป็นยาห่มแก้พิษจากสุนัขกัด
แก้อาการจากพิษ แก้ปวด (ส่วนที่อยู่ใต้ดิน)
-ใบใช้ตำพอกป้องกันอาการปวดข้อ
อาการแพลง (ใบ)
-ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ต้นและใบย่านลิเภา
ผสมกับหัวยาข้าวเย็น นำมาต้มกับน้ำดื่มต่างน้ำชา
เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยในผู้สูงอายุ (ต้นและใบ)
-ทั้งต้นรวมรากและเหง้าใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดหลัง
(ทั้งต้น)
-รากใช้ผสมกับยาอื่นเป็นยารักษาโรคมะเร็ง
(ราก)
ประโยชน์ของลิเภา
ใบอ่อนและยอดอ่อนสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้
เช่น แกง ผัด ต้ม นึ่ง ลวก หรือนำมารับประทานสดร่วมกับน้ำพริก ลาบ เป็นต้น ต้นสามารถนำมาใช้ทำเชือกได้
เพราะเถามีความเหนียวคงทน หรือนำมาทำเครื่องจักสานต่าง ๆ เช่น สานตะกร้า กำไล
ทำกระเป๋า เครื่องประดับ ฯลฯ
และล่าสุดนี้เห็นจะมีเคสโทรศัพท์มือถือที่ทำจากหญ้าชนิดนี้ออกมาจำหน่ายด้วยนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น