วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

การแสดง“ดาระ”

ประวัติความเป็นมา 

ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน ว่าความเป็นมาของการแสดงดาระที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของการร่ายรำคือตัวแม่กวางลูกอ่อน  ดังนี้....

ตามตำนานเล่าว่า...มีนายพรานออกล่าสัตว์ในป่าเพื่อไปประกอบอาหาร  โดยใช้แร้วเป็นอุปกรณ์ในการจับดัก  ครั้งหนึ่งมีแม่กวางลูกอ่อนได้ติดกับดัก  ในขณะที่นายพรานแกะแร้วออกจากตัวแม่กวาง นายพรานก็ได้ยินเสียงอ้อนวอนของแม่กวางว่า  นางมีลูกอ่อนต้องเลี้ยงดูขอให้นางกลับไปให้ลูกกินนมแล้วจะพาทั้งครอบครัวกลับมาหานายพราน  เมื่อนายพรานได้ฟังก็สงสารเห็นใจในความรัก ความอาทรที่แม่กวางมีต่อลูกจึงปล่อยไป เมื่อแม่กวางให้ลูกกวางกินนมเสร็จแม่กวางก็พาทั้งพ่อกวางและลูกมาให้นายพรานตามที่สัญญาไว้ เมื่อมาถึงกวางทั้ง 3 ตัวก็ร่ายรำ พร้อมกับร้องเพลงให้นายพรานดู เนื้อหาของเพลงล้วนสรรเสริญพระเจ้า คือองค์พระนบี   จนนายพรานเมื่อได้ฟังและชมการแสดงจนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม  เกิดความรู้สึกสงสารครอบครัวของกวางจึงยอมปล่อยไป  เมื่อกลับถึงหมู่บ้านนายพรานก็นำเรื่องที่ตนจับกวางและปล่อยไปให้เพื่อนบ้านฟัง  ทุกคนต่างสงสัยว่า  ครอบครัวของกวางทำอะไรจึงเป็นเหตุให้นายพรานปล่อยพวกมันไป  นายพรานจึงร่ายรำและร้องเพลงที่ครอบครัวกวางได้แสดงให้ทุกคนดู  ทุกคนต่างชอบใจจึงได้นำการร่ายรำนี้มาละเล่นกัน พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีรำมะนา ประกอบเป็นจังหวะเพลง  ส่วนบทร้องนั้นเป็นภาษาอาหรับพื้นเมือง

ดาระ เป็นศิลปะการแสดงประเภทร่ายรำพื้นบ้านชนิดหนึ่งของจังหวัดสตูล  ที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศซาอุดิอาระเบีย  โดยเข้ามาทางประเทศมาเลเซีย จากพ่อค้าและนักท่องเที่ยว  มีการปรับเปลี่ยนท่ารำจากนั่งโดยใช้เบาะรองมาเป็นการยืนสลับนั่ง  แล้วพัฒนามาเป็นการแปรแถวออกเป็นรูปแบบต่างๆ การแสดงจะร่ายรำโดยเปลี่ยนไปตามบทเพลงโดยเพลงละ 1 ท่า เริ่มต้นการด้วยการไหว้ครูโดยใช้บทเพลง ซามีลา  และลงท้ายด้วยเพลงฮอดามี  เครื่องดนตรีที่ใช้มีเพียงกลองรำมะนาเท่านั้น และมีการใช้เหรียญสตางค์มาร้อยเรียงติดกับรำมะนาเรียกว่ารำมะนาฉิ่ง 

ดาระ เป็นที่รู้จักกันในจังหวัดสตูลเมื่อประมาณ 3-4 ชั่วอายุคน โดยสันนิษฐานว่ามีถิ่นกำเนิดในหมู่บ้านเล็กๆ แขวงเมืองฮัมดาระ ตนเมาพ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย  และได้เข้าสู่ประเทศไทยทางจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยผ่านทางประเทศมาเลเซีย จากพ่อค้าและนักท่องเที่ยวในสมัยนั้น  ถิ่นที่นิยมเล่นดาระมากในสมัยนั้นคืออำเภอเมือง ตำบลแประ และตำบลควนโดน ปัจจุบัน เป็นอำเภอควนโดน  เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ ศิลปะสมัยใหม่เข้ามามีอิทธิพลต่อค่านิยมของคนในชนบท การแสดงดาระจึงค่อยๆ เสื่อมความนิยม
ต่อมาหน่วยงานราชการได้ส่งเสริมฟื้นฟูขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2525 เนื่องในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี

วิวัฒนาการการแสดงดาระ

การแสดงดาระในปัจจุบันครูสมศรี ชอบกิจ  ครูสอนคหกรรมโรงเรียนควนโดนวิทยา  ได้สอนการแสดงศิลปะพื้นบ้านดาระ ให้กับนักเรียนในโรงเรียนควนโดนวิทยา  โดยเปิดสอนในคาบชุมนุมอนุรักษ์ขึ้นในโรงเรียนควนโดนวิทยา และบรรจุเป็นหลักสูตรท้องถิ่นเฉพาะเด็กสายศิลป์เท่านั้น  ทั้งยังเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนอื่น ๆ พร้อมกับสอนกลุ่มสนใจต่างๆ ทั้งในชุมชนและเยาวชนที่ศึกษาเกี่ยวกับการวัฒนธรรมต่างจังหวัดด้วย  ดังนั้นการแสดงดาระ มักนิยมแสดงในงานเลี้ยงทั่วๆ ไป และเปิดงานต่างๆที่ทางผู้จัดงานชื่นชอบและเชิญดาระมาร่วมแสดง โดยมากมักเป็นงานประจำจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่ผู้แสดงจะเป็นนักเรียนโรงเรียนควนโดนวิทยา

ผู้แสดงดาระในปัจจุบัน เป็นนักเรียนโรงเรียนควนโดนวิทยา โดยมีการเรียนการสอนในหลักสูตรท้องถิ่น  โดยนักแสดงเริ่มเรียนการร้องเพลงก่อน  ต่อมาจึงฝึกหัดรำ  เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นก็ได้รับเลือกให้ไปแสดงตามงานต่างๆ ผู้แสดงดาระสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1) นักแสดง  2) นักร้อง 3) นักดนตรี

วิวัฒนาการด้านการแต่งกาย

ในอดีตผู้ชายที่แต่งเป็นหญิงบางคนสวมกะลามะพร้าวที่หน้าอกเพื่อความสมจริง  นอกจากนี้การแต่งหน้าเพื่อเน้นความเป็นผู้หญิงโดยใช้เครื่องสำอางที่ผลิตขึ้นจากสมุนไพร เช่น ใช้กานพูนำมาลนไฟให้เป็นสีดำแล้วนำมาวาดคิ้ว  ใช้สีน้ำหมากทาที่ปาก  แป้งที่ใช้ก็ใช้ไสยศาสตร์เข้ามาปลุกเสก แล้วนำมาผัดหน้า นอกจากนี้ยังมีการย้อมเล็บโดยนำใบต้นเทียนมาตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกไว้หนึ่งคืน แล้วแกะออกเล็บจะมีสีแดงทนทานหลายวัน


ปัจจุบันการแสดงดาระใช้ผู้ชายจริงหญิงแท้  ดังนั้นการแต่งกายจึงเป็นการแต่งแบบพื้นเมือง  ผู้หญิงใช้ผ้าสไบพาดไหล่ขวา  ผูกรวบชายผ้าที่สะโพกซ้าย  ส่วนผู้ชายสวมกางเกงขายาวสีดำ

วิวัฒนาการด้านเครื่องดนตรีและเพลง  


ในอดีตใช้กลองรำมะนาเพียงอย่างเดียวมี 4 ใบ ผู้ตีจะเป็นผู้ขับร้องเอง รำมะนาที่ใช้มี 2 ลักษณะ คือกลองรำมะนา และรำมะนาฉิ่งที่นำเอาสตางค์มาร้อยรอบๆ โดยใช้หวายร้อยตรึงเข้ากับตัวรำมะนา     
แต่ในปัจจุบันใช้เฉพาะกลองรำมะนาอย่างเดียว และไม่จำกัดจำนวนขึ้นอยู่กับนักดนตรีที่พร้อมในการบรรเลง  และมีนักร้องต้นเสียงแทนการร้องเองของนักแสดง.  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น