ประวัติ
เรือกอและเดิมเป็นเรือที่ชาวพื้นเมืองปัตตานีใช้เป็น
พาหนะในการเดินทางและทำการประมงยามว่างจากการประกอบอาชีพในยามคลื่นลมสงบ
และเวลามีงานนักขัตฤกษ์ของท้องถิ่นชาวเมืองปัตตานี
จะนำเรือกอและเข้ามาใช้ประโยชน์ในการพักผ่อนหย่อนใจ โดยนำมาจัดแข่งขันพายเรือ
เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในด้านความเร็วที่จังหวัดปัตตานีในสมัยโบราณ
มีหมู่บ้านหนึ่งเป็นหมู่บ้านที่ต่อเรือกอและและมีเรือกอและมากที่สุด
จนชาวบ้านทุกคนเรียกว่าหมู่บ้านกำปงกอและ ซึ่งหมายถึงหมู่บ้านเรือกอและ
ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้าน “สะบารัง” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “กดาอาเนาะญอ” แปลว่า “ตลาดมะพร้าว” ซึ่งเป็นชื่อที่ได้ใหม่เมื่อภายหลังจากความนิยมในการต่อเรือกอและลดน้อยลง
ทั้งนี้เพราะในหมู่บ้านดังกล่าวอยู่ติดแม่น้ำปัตตานีจึงมีต้นมะพร้าวมากพอๆ
กับมีเรือที่จอดอยู่ตามชายฝั่งตลอดแนวแม่น้ำ
สมัยก่อนที่จังหวัดปัตตานีมีการแข่งขันเรือกอและในวันฮารีรายอ
และวันรายอฮัจยี เป็นประจำทุกปี
ต่อมาความนิยมในการต่อเรือกอและขยายไปเกือบทุกจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเลนับ
ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของอ่าวไทย บริเวณอำเภอหัวไทร
เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชเรื่อลงมายังอำเภอเทพาจังหวัดสงขลา และอำเภอเมือง
อำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอสายบุรี ของจังหวัดปัตตานี
ตลอดอีกหลายอำเภอในจังหวัดนราธิวาส (มัลลิกา คณานุรักษ์. 2544, 71 )
เรือกอและเป็นเรือประมงที่ใช้
ในแถบจังหวัดภาคใต้ตอนล่างมีลักษณะเป็นเรือยาวที่ต่อ
ด้วยไม้กระดานโดยทำให้ส่วนหัวและท้ายสูงขึ้นจากลำเรือให้ดูสวยงาม
นิยมทาสีแล้วเขียนลวดลายด้วยสีฉูดฉาดเป็นลายไทยหรือลายอินโดนีเซีย
ซึ่งนำมาประยุกต์ให้เหมาะกับลำเรือ เรือกอและมี ๒ แบบคือ แบบหัวสั้นและแบบหัวยาว
ขนาดของเรือแบ่งเป็น ๔ ขนาด โดยยึดความยาวของลำเรือเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง คือ
ขนาดใหญ่ยาว ๒๕ ศอก ขนาดกลางยาว ๒๒ ศอก ขนาดเล็กยาว ๒๐ ศอก และขนาดเล็กมากเรียกว่า
“ลูกเรือกอและ” ยาว ๖ ศอกโดยประมาณ
และด้านนอกซึ่งค่อนขึ้นไปทางขอบเรือ ทำเป็นขอบนูนออกมาข้างนอก
ลักษณะเป็นกันชนของเรือยาวตลอดลำเรือเรียกว่า “ปาแปทูวอ”
ที่ตอนล่างของปาแปทูวอทำรอยแซะเนื้อไม้ด้วยกบให้เป็นแนวยาวตลอดลำเรือเรียก
ว่า “กอมา” เรือทั้งลำ แบ่งเป็น ๒ ส่วน
ส่วนหัวเรียกว่า “ลูแว” ส่วนท้ายเรียกว่า
“บูเระแต” ถ้าแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ส่วนหัวเรียกว่า
“ปาลอ” ส่วนกลาง (ลำเรือ) เรียกว่า “ตือเราะ” ส่วนท้ายเรียกว่า “ปูงง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น