รอมะฎอน หรือ รอมฎอน คือ เดือนที่ 9 ของปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ
หรือปฏิทินอิสลาม เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดทั้งเดือน
ด้วยเหตุนี้จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เดือนบวช
เป็นเดือนที่สำคัญที่สุดเดือนหนึ่ง
เนื่องจากชาวมุสลิมจะต้องปฏิบัติเพราะเป็นศาสนบัญญัติ ด้วย การงดอาหารทุกชนิด รวมถึงน้ำดื่ม ในช่วงเวลา พระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตกดิน
รวมทั้ง ให้อดทนต่อสิ่งรอบตัว หยุดทำความชั่ว
และออกห่างจากสิ่งหรือคนที่จะชักนำเราไปสู่การฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าไม่ว่า
จะโดยมือ(ทำร้ายหรือขโมย) เท้า (เดินไปสู่สถานที่ต้องห้าม) ตา (ดูสิ่งลามก) หู
(เช่นการฟังสิ่งไร้สาระ, ฟังเรื่องชาวบ้านนินทากัน) ปาก (การนินทาว่าร้ายคนอื่น โกหก โป้ปด)
เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่จูงใจให้ผู้ศรัทธาทำความดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดือนอื่นๆ เน้นการบริจาคทาน
หัวใจจะจดจ่ออยู่กับการแสดงความเคารพภักดี (อิบาดะฮฺ)
ต่ออัลลอฮฺและหันไปหาพระองค์มากขึ้น
เรียกได้ว่า
รอมฏอนเป็นเดือนแห่งการอบรมจิตใจ นั่นเอง เพราะจะไม่ทำสิ่งไร้สาระ
จะทำอะไรต้องระมัดระวังทุกการกระทำและคำพูด มิเช่นนั้น
ก็จะเป็นการถือศีลอดที่ได้แค่เพียง การอดอาหาร เท่านั้นเอง
รวมทั้งจะได้รับรู้ความยากลำบากคนที่ยากไร้ด้วย
นอกจากถือศีลอด
และทำทานแล้ว
รอมฎอนยังเป็นเดือนสุดประเสริฐ
ที่มีการประทานคัมภีร์อัล-กรุอาน (พระวัจนะของพระเจ้า)
ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญชีวิตของมุสลิมทุกคน และเป็นเดือนแห่งความเมตตา ประตูสวรรค์เปิด
ประตูนรกปิด เดือนนี้จึงหมั่นทำความดีให้มากๆมุสลิมทุกคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
(อากิลบาเล็ฆ) มุสลิมจึงต้องอ่านอัลกุรอาน
เพื่อศึกษาถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รู้ว่าการเป็นอยู่ในโลกนี้และโลกหน้าจะเป็นอย่างไร
และจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง
เมื่อสิ้นเดือนรอมะฎอนแล้ว
จะมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 1 เดือนเชาวาล เรียกว่า อีดุลฟิฏริหรือ วันอีดเล็ก
การกำหนดวันที่ 1
ของเดือนการเริ่มต้นวันตามศาสนาอิสลามเริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า
และการกำหนดเดือนเป็นระบบจันทรคติ ซึ่ง 1 เดือนจะมี 29 หรือ 30 วันเท่านั้น
ขึ้นอยู่กับเวลาที่ดวงจันทร์ใช้ในการหมุนรอบโลกครบ 1 รอบในเดือนนั้นๆ
ความจริงแล้วการกำหนดวันที่ 1
ของแต่ละเดือนนั้น
ประเทศที่มีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่หรือประเทศมุสลิมจะมีการกำหนดไปในทิศทางเดียวกัน
เนื่องจากประเทศเหล่านั้นมีนักวิชาการหลากหลายครบทุกแขนง
ซึ่งแน่นอนว่ารวมทั้งด้านดาราศาสตร์ด้วย ดังนั้นการกำหนดวันที่ 1 ของเดือนต่างๆ
ด้วยการดูจันทร์เสี้ยว เมื่อผ่านพ้นวันที่ 29
ของแต่ละเดือนขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มตกลับขอบฟ้า
ถ้าเห็นจันทร์เสี้ยวให้เริ่มนับจากคืนนั้นว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนใหม่
แต่ถ้าไม่ปรากฏว่ามีจันทร์เสี้ยว แสดงว่าดวงจันทร์ยังโคจรไม่ครบรอบ
ให้นับเดือนนั้นว่า มี 30 วัน จึงเป็นไปตามหลักศาสนาและตรงตามสภาพความจริงบนฟ้าตามที่อัลลอฮฺ(ซบ.)ได้ทรงกำหนดไว้
บุคคลที่ได้รับการยกเว้น
ไม่ต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ได้แก่ คนเจ็บป่วย
หญิงที่มีประจำเดือน หญิงที่ให้นมบุตร แต่หากมีความสามารถ ก็จะถือได้ หญิงที่ตั้งครรภ์ และคนแก่ชรา ที่ไม่มีความสามารถเพียงพอ
ทั้งนี้
หญิงที่ตั้งครรภ์และที่ให้นมบุตร
กับคนที่ไม่มีความสามารถที่จะถือศีลอดนั้น....ต้อง จ่ายเป็นทาน
โดยจ่ายทานเป็นข้าวสาร จ่ายทานข้าวสาร วันละ 1 มุด 1 มุดประมาณ 6 ขีด ส่วนคนเจ็บป่วย และ สตรีที่มีประจำเดือนนั้น
ให้ถือศีลอดใช้ภายหลัง ให้ครบ ก่อนรอมฎอนในปีถัดไปช่วงเวลาที่เริ่มถือศีลอด
คือตั้งแต่แสงพระอาทิตย์ขึ้น -
แสงพระอาทิตย์เริ่มตกดินการคำนวนดูเวลาแสงพระอาทิตย์ ขึ้น-ตก
ตามการคำนวณของหลักดาราศาสตร์อิสลาม วัดตามพิกัดองศาแต่ละพื้นที่เวลาละศีลอด
นั้นมักจะใช้อินทผลัมในการละศีลอด...เพราะเป็นแบบอย่างจากท่านนบีมูฮำมัด ซึ่ง อินทผลัมนั้น ประกอบด้วย น้ำตาลฟรุกโตส
กลูโคส น้ำ วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโตส
จัดเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายชนิดหนึ่ง
และเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นในสภาวะที่ร่างกายอ่อนเพลีย
จากการขาดพลังงานและน้ำ ลูกอินทผลัมน่าจะเป็นผลไม้ที่ดีชนิดหนึ่ง
สำหรับผู้ที่จะละศีลอด ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีรสหวานก็สามารถทานได้
อย่างไรก็ตาม
วัตถุประสงค์ของเดือนรอมฎอน คือ
เพื่อเพิ่มความยำเกรงพระเจ้าให้มากขึ้น
ต้องการให้เราทำทานมากขึ้น
รวมถึงยังให้ฝึกฝนตนเองไว้ให้พร้อมสำหรับการญิฮาด (เสียสละ)ตลอดชีวิต
สุดท้ายสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคัมภีร์กุรอานให้มากยิ่งขึ้น
การถือศีลอดเดือนรอมฎอนตามบัญญัติอิสลาม
เป็นอิบาดะฮฺที่ต้องมีการปฏิบัติในประชาชาติอิสลามโดยพร้อมเพรียงกัน
เพราะต้องปฏิบัติในช่วงเดือนรอมฎอน ที่มีเพียงเดือนเดียวต่อปี
จึงทำให้ชาวมุสลิมต้องตระหนักถึงความเป็นปึกแผ่นของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ตามคำสอนของอัลลอฮฺตะอาลา ที่ตรัสไว้ว่า
"เดือนรอมฎอนนั้นเป็นเดือนที่อัลกุรอานถูกประทานลงมา ในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์
และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น
และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้น
ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้นเถิด"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น