ซีละ, ดีกา หรือบือดีกา
ศิลปะการแสดงพื้นบ้านของ #ชาวไทยมุสลิม
แต่เดิมสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากชวาหรือคาบสมุทรมาลายูทางตอนใต้
ก่อนเข้ามาแพร่หลายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบัน
ซีละ
เป็นศิลปะการต่อสู้แบบโบราณซึ่งมีทั้งต่อสู้ด้วยมือเปล่า และใช้อาวุธประกอบการแสดงมีทั้งมีดดาบและกริช
โดยใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านมี ปี่ กลอง และฆ้อง
เป็นตัวให้จังหวะการต่อสู้เป็นไปอย่างเร้าใจ
ในสมัยโบราณการแสดงดังกล่าวเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างแแท้จริงของชาวมาลายู
เช่นเดียวกับการชกมวยไทยหรือรำกระบี่กระบอง
ปัจจุบันการต่อสู้ด้วยกริชหาชมได้ยากมาก
ส่วนใหญ่จะเห็นแต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า เนื่องจากผู้แสดงต้องมีร่างกายแข็งแรง
ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ก่อนออกแสดงโชว์ตามงานต่างๆ
เพราะถ้าหากพลาดพลั้งหรือผิดจังหวะ
จะทำให้ได้รับบาดเจ็บได้เพราะกริชที่นำมาใช้ประกอบการต่อสู้นั้นส่วนใหญ่เป็นของจริง
การต่อสู้กันด้วยกริช
ก็เช่นเดียวกับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า
ทุกครั้งเมื่อทำการแสดงจะต้องมีการทำความเคารพ หรือซาลามัสซึ่งกันและกัน
ก่อนที่จะเริ่มไหว้ครู โดยผลัดกันรำทีละคน เพื่อที่จะผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
หรือโชว์พลังแบ่งกล้ามแขนขา ข่มขวัญคู่ต่อสู้ ก่อนจะเข้าห้ำหั่นกันตามวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา
ผลัดกันรุกผลัดกับรับ
ล้มลุกคลุกคลานกันทั้งสองฝ่ายขณะที่ดนตรีประกอบก็บรรเลงเพลงสอดรับตลอดการแข่งขัน
สร้างความสนุกตื่นเต้น และหวาดเสียวแก่ผู้ชม
ซึ่งส่วนใหญ่นิยมแสดงกันบนลานดินมากกว่าบนเวที การแสดงแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 10-15
นาที
นอกจากชั้นเชิงการต่อสู้ตามที่ได้เล่าเรียนมาจากครูบาอาจารย์
ที่ต้องสอดรับซึ่งกันและกันเพราะการใช้กริช หากพลาดจังหวะ
คู่ต่อสู้ก็อาจได้รับอันตราย สิ่งสำคัญคือสปิริตของผู้แสดงทั้งคู่
เนื่องจากต้องมีการฟัดเหวี่ยงกันจนล้มลง จะไม่มีการซ้ำเติมใดๆทั้งสิ้น ลุกขึ้นมาแล้วสู้กันใหม่จนจบการแสดง
หลังจบการต่อสู้ทั้งคู่จะต้องขออภัยซึ่งกันและกัน
จากนั้นเข้ามาทำความเคารพผู้ใหญ่ภายในงานตลอดจนผู้ชมที่ให้กำลังใจอยู่รอบสนาม
การแสดงซีละดังกล่าว
เป็นส่วนหนึ่งของงานสืบสานวัฒนธรรมเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที และรำลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษ
ที่ชาวบ้านปูตะ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้ร่วมมือกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
และได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อย่างล้นหลาม
เนื่องจากเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น