วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

‘ใบไม้สีทอง’ ของดีนราธิวาส มหัศจรรย์หนึ่งเดียวในโลก

        




    ใบไม้สีทองเป็นของล้ำค่าจาก จ.นราธิวาส ซึ่งในโลกนี้ จะพบได้แค่ในป่าบนเทือกเขาบูโด วนอุทยานน้ำตกบาโจ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เท่านั้น ซึ่งจากสวยงาม และแปลกมหัศจรรย์ ที่มีถึง 3 สี คือ สีนาค สีเงิน และสีทอง ทำให้ใบไม้สีทองกลายเป็นใบไม้มงคลตามความเชื่อ ที่หลายคนอยากที่มีไว้ภายในบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล  
      
       สมมาตร์ ดารามั่น ผู้ริเริ่มนำใบไม้สีทองมาทำเป็นสินค้าที่ระลึก เล่าว่า เมื่อ 10 ปีกว่าที่แล้ว ได้ทราบเรื่องราวใบไม้สีทองจากข้อมูลที่บันทึกโดย ดร.ชวลิต นิยมธรรม ว่าเป็นพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ของโลก ใบมีสีทอง มีชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า “Bauhinia aureifalia” จากข้อมูลที่เคยส่งไปให้สถาบันพฤกษศาสตร์  ประเทศเดนมาร์กศึกษา  ระบุว่า จะพบได้เพียงแห่งเดียวในโลก คือ น้ำตกปาโจ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
      
       ด้วยที่เขาเป็นคนนราธิวาส ข้อมูลดังกล่าวนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้อยากจะพบสิ่งมหัศจรรย์ของบ้านเกิด จึงเดินทางไปยังแหล่งกำเนิดตามข้อมูล และจากที่พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ทราบว่า ใบไม้สีทองมีชื่อท้องถิ่นว่า ย่านดาโอ๊ะชาวบ้านรู้จักนานมากแล้ว แต่เรื่องน่าแปลก คือ แม้ว่าชาวบ้านจะเคยพยายามนำออกมาปลูกนอกป่า แต่ปรากฏว่า ใบกลับไม่เป็นสีทอง ทำให้ชาวบ้านเลิกสนใจที่จะเพาะพืชพันธุ์นี้



       “ผมมีความคิดว่า ถ้าข้อมูลใบไม้สีทองได้ถูกเผยแพร่ออกไป น่าจะเป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวของ จ.นราธิวาส จึงขอให้ชาวบ้าน พาเข้าไปดูในป่า จากนั้น รวบรวมข้อมูลใบไม้สีทอง นำเสนอทางจังหวัด  และทางจังหวัดได้ให้การสนับสนุน ทำข้อมูลเกี่ยวกับใบไม้สีทอง แนะนำให้คนทั่วไปได้รู้จัก
      

       จากคุณสมบัติใบไม้สีทอง เมื่อแห้งสนิทแล้ว จะมีความเหนียว ไม่แห้งผุ และสีทองจะยิ่งชัดขึ้น ประกอบกับส่วนตัวทำธุรกิจกรอบรูป จึงลองนำใบไม้ทองคำมาใส่กรอบเป็นสินค้าที่ระลึก แล้วนำไปเสนอขายยังโรงแรมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในภาคใต้ ซึ่งจากที่เป็นไม้มงคล มีความสวยงาม และมีตำนาน ทำให้ได้ผลตอบรับที่ดีมาก จนได้สานต่อธุรกิจนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

        สมมาตร์ อธิบายว่า ใบไม้สีทอง เป็นพันธุ์ไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ เลื้อยพันตามต้นไม้ใหญ่ ผิวใบจะคล้ายขนกำมะหยี่ปกคลุมทั้งใบ เริ่มแรกใบจะเป็นสีนาค  คล้ายสีชมพู  เมื่อผ่านไปสัก  2  สัปดาห์ จะกลายเป็นสีน้ำตาล และเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนประมาณ 3 เดือน จะกลายเป็นสีทอง  และอีก 6 - 7 เดือนต่อจากนั้น   จากสีทองจะกลายเป็นสีเงิน  แต่ใบที่นำมาทับให้แห้ง และจำหน่ายจะเลือกที่เป็นสีทอง เพราะลูกค้าที่ซื้อจะชอบ ใบที่สมบูรณ์เต็มที่มีขนาด 10x18 ซม. แต่เคยพบใหญ่ที่สุดกว่า 25 ซม.
      


       เขาบอกว่า การหาวัตถุดิบ ผ่านการอนุญาตจากวนอุทยานฯ แล้ว โดยชาวบ้านจะเป็นผู้เก็บใบไม้ส่งให้ อีกทีหนึ่ง เนื่องจากใบไม้สีทอง อยู่ในป่าลึกการเดินทางเข้าออกจะลำบากมาก   ดังนั้น  คนที่จะเข้าไปเก็บต้องเป็นผู้ชำนาญทาง โดยปีหนึ่งจะเก็บได้แค่ 2 ช่วง คือ เดือนมีนาคม และกันยายน เท่านั้น ใบที่เก็บมา เฉลี่ยจาก 100 ใบ จะมีใบสมบูรณ์จำหน่ายได้ประมาณ 20 ใบเท่านั้น

        “หัวใจสำคัญ อยู่ที่ความรู้ในการเก็บ เพราะเคยมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ เข้ามาจะเก็บใบไม้สีทองบ้าง แต่ปรากฏว่า ใบที่ได้กลับไป ไม่เป็นสีทอง เพราะเขาขาดความเข้าใจในธรรมชาติของพืชชนิดนี้ ซึ่งขั้นตอนการเก็บรักษาใบไม้สีทอง เพื่อนำมาจำหน่าย ต้องเริ่มจากการเก็บใบไม้สดมา แล้วมาทำให้แห้งตามธรรมชาติ ด้วยการใส่ลงในถุงคอยจนแห้ง ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 4 เดือนถึง 5 เดือน และนำมาอัดรีดให้เรียบ  โดยต้องใช้เวลานานถึง  3  เดือน  ก่อนที่นำมาใส่ซองบรรจุภัณฑ์ หรือนำมาใส่กรอบรูป  ขายเป็นของแต่งบ้าน  หลายคนที่ซื้อเพราะเห็นว่าเป็นใบไม้มงคล โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน จะขายใบไม้สีทองได้จำนวนมาก
      
       เขา กล่าวยืนยันว่า การเข้าไปเอาใบไม้สีทองมาจากป่า เพื่อทำสินค้าที่ระลึก ไม่ได้เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะจะเลือกเก็บจากใบที่ร่วงลงพื้น หรือจะตัดเฉพาะใบที่อายุเหมาะสม และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า การตัดใบที่อายุเหมาะสม จะยิ่งเป็นการช่วยให้เกิดการแตกหน่อ ขยายพันธุ์มากขึ้น
      
       ทั้งนี้ เหตุที่พันธุ์ใบไม้สีทอง ขึ้นเฉพาะใน จ.นราธิวาส เท่านั้น เกิดจากสภาวะแวดล้อมที่เป็นป่าร้อนชื้น และอยู่ในอุณหภูมิเหมาะสม ทว่าในปัจจุบัน สถาบันวิจัยที่ดูแลด้านการเกษตร  กำลังทดลองวิจัย เพื่อขยายพันธุ์ของพืชชนิดนี้อยู่ด้วย คาดว่าไม่เกิน 4 - 5 ปีข้างหน้า จะสามารถนำมาปลูกในลักษณะของพืชทั่วไป และได้ผลผลิตเหมือนกับใบไม้ที่อยู่ในป่าได้
      
       ด้านช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า จะออกตามงานแฟร์ และมีหน้าร้านอยู่ที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส ชื่อว่า นราโปสเตอร์ส่วนในกรุงเทพฯ อยู่ในประตูเซ็นเตอร์ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นต่างประเทศ เช่น ไอร์แลนด์ , สหรัฐ อเมริกา , เดนมาร์ก และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยราคาจำหน่าย ถ้าเฉพาะแค่ใบอยู่ที่ 25-30 บาทต่อใบ แต่เมื่อนำมาใส่กรอบแล้ว ราคาจะสูงขึ้นหลายร้อยเท่าตัว

ทั้งนี้ ปัญหาของธุรกิจ คือ วัตถุดิบใบไม้ทองคำ ไม่พอต่อความต้องการ เพราะแต่ละปีจะเก็บได้แค่ 2 ครั้ง และเมื่อเก็บมาแล้ว ต้องรออีก 5 เดือน ทำให้ลูกค้าบางรายไม่สามารถรอได้ ในอนาคตถ้ามีการปลูกบนพื้นที่ด้านล่างได้  ก็จะสามารถขยายตลาดได้มากกว่านี้
      
       ปัญหาอีกประการ คือ ความไม่สงบจากสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปเก็บใบไม้สีทองในป่า เพราะกลัวโดนลอบทำร้าย อีกทั้ง ความรุนแรงยังส่งกระทบให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามาเที่ยว จ.นราธิวาสด้วย
      
       สมมาตร์ ทิ้งท้ายว่า แผนจะพัฒนาสินค้าต่อไป ด้วยการนำมาแปรรูปเข้ากับเครื่องใช้ต่างๆ อาทิ โคมไฟ , ม่านบังตา เป็นต้น และผลักดันเป็นสินค้าส่งออกต่อไป
      
       * * * * * * * * * *
      
       073-513-581 , 0-9298-3402

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น