ก่อนเริ่มอรุณอุสาแสงวันใหม่ของเดือนรอมฎอน
คือการเริ่มต้นในการถือศิลอดของพี่น้องมุสลิม
ในโซนบ้านเราอย่างน้อยต้องอดกินทุกอย่างแม้แต่น้ำ อย่างน้อย 14 ชั่วโมง แต่บางทวีปใช้เวลามากกว่านั้น ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
เป็นบททดสอบความซื่อสัตย์ ระหว่างเรากับพระเจ้า อย่างแท้จริง
เมื่อตะวันเริ่มบ่ายคล้อยเห็นแสงสุดท้ายของวัน
ถือว่าเป็นสัญญาณของการ บูกอปอซอ ละศิลอด
ทุกคนจะเริ่มต้นด้วยสรรญเสริญต่อพระผู้เป็นเจ้า แล้วกินอินทพลัมเป็นคำแรก
ก่อนจะกินอย่างอื่นเสริมตามเป็นมือแรกของวัน
มันเป็นสัจธรรมหนึ่งที่ว่าเมื่อเราหิวสุดๆ ร่างกายเรากินได้ไม่มากเท่าไรเลย
นอกจากใจเราเท่านั้นเองที่อยากกิน แม้กระทั้งโลกทั้งใบ
อาหารจานหนึ่งเพียงพอแล้วสำหรับเรา
บางครอบครัวอาจมีเมนูดีๆอร่อยๆเพื่อละศิลอด
แต่บางครอบครัวอาจมีเพียงแกงถ้วยเดียว กับสมาชิกของครอบครัวอีกหลายคน
แต่สิ่งที่เห็นยามเย็นๆต่างคนถือถ้วยแกงเล็กๆเดินไปหาเพื่อนบ้าน แล้วมอบให้
แม่บ้านก็เข้าครัวล้างถ้วยพร้อมใส่แกงของตัวเองกลับ
เป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นสิ่งตอบแทน จากแกงถ้วยเดียวกลายเป็นสองถ้วน
แกงคนละอย่างกัน ส่วนผู้ชายจะนิยมมาละศิลอดที่มัสยิดกัน
ในแต่ละมัสยิดจะมีการปฎิบัติที่แตกต่างกัน
บางมัสยิดแต่ละคนหิ้วคนละถ้วยสองถ้วยมารวมกัน
แต่บางมัสยิดในปัจจุบันจะมีห้องครัวแล้วแบ่งเวรกันทำ มีเมนูไม่มากนัก
แต่มีความหลากหลายในแต่ละวัน ซึ่งต่องใช้งบประมาณอย่างน้อย 4 พันถึง 5 พันบาทในแต่ละวัน
และสามารถเลี้ยงคนละศิลอดได้ประมาณ 50-70 คน
ในเดือนนี้สอนเราให้เป็นคนให้
ที่เรียกว่ามือบน คนที่เป็นมือบนใช่คนที่มั่งมี ร่ำรวย
หากแต่คนที่มีกำลังมีใจที่ยากให้ อย่างเดือนนี้คนที่มีกำลังด้านการเงิน
อาจให้งบในการละศิลอด บางคนมีกำลังด้านบริการ อาจให้กำลังแรงและกาย
ทำกับข้าวเตรียมละศิลอด จนถึงเด็กเล็กบางคน สามารถเป็นผู้ให้
เป็นมือบนได้โดยบริการยกน้ำให้คนละศิลอด ด้วยใจที่บริสุทธิ์
บรรยากาศเหล่านี้สามารถเห็นได้เพียงปีละครั้งในช่วงเดือนรอมฎอนเท่านั้น
ยิ่งสิบวันสุดท้ายในเดือนรอมฎอน เกือบทุกคนจะใช้ชีวิตที่มัสยิดกัน เพื่อทำความดี
บำเพ็ญตนเพื่อศาสนากอบโกบผลบุญให้มากที่สุด
อย่างน้อยเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตนเองในการสู่ชีวิตต่อไปทั้งโลกนี้
และสะสมผลบุญเหล่านั้นสำหรับโลกหน้า มัสยิดจึงสำคัญเป็นศูนย์รวมใจของชุมชน
และผู้คน
............................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น