“น้ำบูดู” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาทะเล
นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดค้นขึ้นมาจากรุ่นสู่รุ่น
เป็นวิธีการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้บริโภคได้อย่างยาวนาน
การทำน้ำบูดูนั้นจะนำปลาสดมาคลุกเกลือ หมักไว้รับประทาน(คล้ายกับการหมักปลาร้าในภาคอีสาน)
น้ำบูดู เป็นสินค้าพื้นเมืองที่ทำรายได้สูงแก่ประชาชนในท้องถิ่น
แต่เนื่องจากมีกลิ่นแรง มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และเป็นของเหลวที่พกพาไม่สะดวก
ปัญหานี้จึงมีผลต่อการขนส่งเพื่อการจำหน่ายให้กับท้องถิ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคกลาง
ภาคเหนือ หรือนำไปต่างประเทศจึงมีการคิดค้นนวัตกรรมการทำบูดูอัดก้อน
จากโรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนแห่งนี้อีกด้วย
วันนี้ข่าวภาคใต้ชายแดนจึงขอนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของการทำบูดูอัดก้อน
จากกลุ่มโรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคาร มาบอกต่อกันนะคะ
การนำน้ำบูดูไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมใหม่ของโรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคารแห่งนี้
เป็นการเลื่อนไปอีกขั้นของน้ำบูดู ที่มาจากแนวคิดและแรงบันดาลใจของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาในการพกพาน้ำบูดู
โดยอาศัยกรรมวิธีแบบวิทยาศาสตร์และการทดลองผลิตอยู่หลายครั้ง จนเกิดความสำเร็จเป็นบูดูก้อนขึ้นมา
และได้มีการดัดแปลงมาอย่างต่อเนื่อง จนได้เป็นบูดูอัดก้อน เจ้าแรกของประเทศไทย
ในแบรนด์ “บูดูอินเตอร์
โดยโรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคาร”และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี
ในการพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ให้มาตรฐานและทันสมัยมากขึ้น เพื่อความสะดวกในการพกพา
สะอาด มีน้ำหนักเบา จึงตอบโจทย์ในเรื่องของการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังภูมิภาคอื่นๆ
และต่างประเทศ ที่สำคัญได้รับมาตรฐาน อย. และ ตราฮาลาล อีกด้วย ในส่วนของยอดการสั่งซื้อบูดูอัดก้อน
มีการสั่งซื้อจากผู้ประกอบการที่สนใจ นำไปจำหน่ายที่ประเทศสิงคโปร์ญี่ปุ่นจีน
มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศแถบตะวันออกกลาง และแถบยุโรป ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในการคิดค้นนวัตกรรมบูดูอัดก้อนของโรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคารอ.สายบุรี
จ.ปัตตานี แห่งนี้
โดยส่วนผสมบูดูอัดก้อน
ประกอบด้วย (1)
ปลาตาโต 30 กิโลกรัม (2) น้ำบูดู 10 ลิตร (3)หอมแดง
3 กิโลกรัม (4)
น้ำส้มสายชู 3 กิโลกรัม (5) น้ำตาลทราย 3 กิโลกรัม (6) มะนาว 1.5 กิโลกรัม (7) พริกขี้หนู 1
กิโลกรัม(8)ใบมะกรูด
และ (9) มะนาวสำหรับขั้นตอนการผลิตนั้นมีวิธีการดังนี้
1. นำปลามาล้างให้สะอาดและนำไปนึ่งสุก
แกะเอาเฉพาะเนื้อปลา
2. ส่วนผสมประเภทหัวหอม
พริกขี้หนู ให้นำไปปั่นให้ละเอียด
3. มะนาวคั้นเอาเฉพาะน้ำ ใบมะกรูด
มะม่วงเบา และน้ำส้มสายชู ปั่นรวมกันให้ละเอียด
4.
เทน้ำบูดูลงกระทะ เอาส่วนผสมทั้งหมดรวมทั้งเนื้อปลาที่แกะแล้ว
ผสมเข้าด้วยกันและเคี่ยวให้แห้ง ใช้เวลาประมาณ 1 วัน
5. นำบูดูที่เคี่ยวและกวนจนแห้งแล้วนำไปอัดให้แน่น
ทำเป็นก้อน ตกแต่งก้อนให้สวยงาม แล้วนำไปอบ ประมาณ 20 นาที
โดยใช้อุณหภูมิ 80-100 องศาเซลเซียส
6. นำบูดูที่อบแห้งแล้วห่อด้วยพลาสติก
1 ชั้น และกระดาษฟอยด์อีก 1 ชั้น
บรรจุกล่องละ 3 ก้อน ราคาจำหน่ายกล่องละ 12 บาท แล้วไปบรรจุห่อเพื่อจำหน่าย
สนใจสั่งซื้อ 073-411031 , 081-0984979
สำหรับวิธีการรับประทานนั้น บูดูอัดก้อน 1 ก้อน ผสมน้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
หรืออาจนำไปตั้งไฟแบบไม่ผสมน้ำ ใส่พริก กระเทียม หอมแดง ปลาสด
สามารถรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยได้ในทันที ทานกับข้าวสวยร้อนๆ
ใช้น้ำบูดูจิ้มกับผักสดหรือผักลวก รับรองความอร่อยแน่นอน
นางอาซีซะ มะลี ครูชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรม ครูผู้ดูแลโครงการนี้ กล่าวว่า
จากที่มาของน้ำบูดูผ่านกระบวนการทางความคิดของชาวบ้าน ครู และนักเรียน ที่โรงเรียนสายบุรีแจ้งประชาคาร
แห่งนี้ นำไปสู่การผลิตภัณฑ์
“บูดูอัดก้อน”นวัตกรรมที่ช่วยให้น้ำบูดูที่เป็นอาหารประจำถิ่นใต้เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ที่สามารถพกพาได้ง่าย
เป็นของฝากได้ดี สามารถนำไปยังสถานที่ต่างๆหรือนำไปต่างประเทศได้สะดวก
และด้วยคุณสมบัตินี้เองคาดว่าในอนาคต “บูดู”จะเป็นอาหารที่ชื่นชอบและหาได้ง่ายในทุกๆภูมิภาคหรือทั่วโลกได้"...ส่วนตัวแล้วอยากให้โครงการนี้
ยังคงพัฒนาและต่อยอดต่อไป เพราะ
บูดูอัดก้อนถือเป็นนวัตกรรมที่ได้พัฒนาและตอบโจทย์ในเรื่องการส่งอออกได้ดี
ซึ่งมีประโยชน์มากต่อชุมชน สามารถเพิ่มรายได้เป็นรายได้เสริมให้กับชาวบ้านได้
ได้ฝึกอาชีพให้กับนักเรียนในโรงเรียน ถือได้ว่าเป็นองค์ความรู้ใหม่
เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก"
ขอบคุณข้อมูลจาก : ข่าวภาคใต้ชายแดน
- Missfrasa -
- Missfrasa -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น