วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เสน่ห์ของเมือง เบตงใต้สุดแดนสยาม ความงดงามที่ยังรอการค้นหา


“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม  ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน”



เบตง เป็นอำเภอขนาดใหญ่ในจังหวัดยะลา นับเป็นอำเภอใต้สุดของประเทศไทยเรา ถูกตั้งเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ. 2441 คำว่า “เบตง” (Betong) มาจาก ภาษามลายู ว่า “Buluh Betong” หมายถึง ไม้ไผ่ หรือ ไผ่ตง
เราตามไปดูสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเบตงกันนะครับ เริ่มต้นกันด้วย กราบไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนนะครับ
วัดพุทธาธิวาส  (Buddhadhiwat Temple)
” สถาปัตยกรรมที่งดงาม จัดสร้างอย่างมีชั้นเชิง ลดหลั่นตามสภาพความลาดเอียงของภูมิประเทศ
ก่อเกิดเป็นศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้ที่มานมัสการมิเคยขาด “

 วัดเบตง คือชื่อเดิมของวัดพุทธาธิวาส ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียงลงมาจรดถนนรัตนกิจด้านทิศเหนือ บนเนื้อที่ 23 ไร่ 3 งาน 30 ตารางวา ได้รับอนุญาตให้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2460 โดยมีคณะผู้ริเริ่มดำเนินการสร้างคือพระพิทักษ์ธานี (เล็ก) นายอำเภอเบตง นายพุ่ม คชฤทธิ์ นายกิมซุ้ย ฟุ้งเสถียร และนายผล สุภาพ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร และได้ผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2510 วัดพุทธาธิวาส มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนนิยมมาสักการะบูชา 3 สิ่งคือ พระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ พระพุทธธรรมกายมงคลปยุรเกศานนท์สุพพิธาน และวิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ


มีสถาปัยตกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ขนาดความสูงเท่ากับตึก 13 ชั้น มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในภาคใต้ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานนาม และเสด็จทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบนยอดฉัตรเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2536 ปัจจุบันเป็นสถานที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเบตง

พระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน


เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประเภททองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้ได้หล่อจากประเทศจีน และจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญในพระพุทธศาสนาประจำเมืองเบตง

 มัสยิดกลาง อำเภอเบตง   (The Central Mosque)

“อารยธรรมอันงดงามของศาสนาอิสลาม คือ จารีตประเพณีสำคัญ ที่สั่งสมมายังลูกหลาน  ก่อเกิดเป็นการกระทำที่หนักแน่น แต่แฝงด้วยข้อคิดที่จรรโลงไว้ซึ่งหลักธรรมคำสอน  และแนวทางการปฏิบัติอันเป็นเอกภาพ “
หอนาฬิกาคู่บ้านคู่เมือง (The Clock Tower of Betong)


หอนาฬิกา ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างถนนสุขยางค์กับถนนรัตนกิจ เป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมายาวนาน
เปรียบเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง ทำการก่อสร้างด้วยหินอ่อนอันเลื่องชื่อจากจังหวัดยะลา ซึ่งได้รับการยอมรับในเรื่องของความ
แข็งแรง สวยงามและคงทน ส่วนความเป็นหนึ่งของหอนาฬิกา
เบตงคงอยู่ที่การมีนกนางแอ่นนับหมื่นตัวจากไซบีเรียมาเกาะอยู่รอบ ๆ หอนาฬิกา จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกาและคู่เมืองเบตงในยามค่ำคืน และด้วยความมีจิตใจโอบอ้อมอารีของผู้คนชาวเบตง ที่ไม่รบกวนความเป็นอยู่ของมัน เหล่านกนางแอ่นจึงอยู่คู่เบตงให้นักท่องเที่ยวชมจนทุกวันนี้

เค้าว่ากันว่าหากใครโดนนกนางแอ่นขี้ใส่แล้วล่ะก็ จะได้กลับมาที่เบตงอีกครั้ง

 และที่ใกล้ๆกับสีแยกหอนาฬิกา มีตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก ไปชมภาพกันครับ

ตู้ไปรษณีย์ใหญ่ที่สุดในโลก   (The World Biggest Mailbox)

ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ ณ มุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. ตู้มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไป รวมความสูงทั้งหมดประมาณ 320 ซม. อายุร่วม 80 ปีแล้วครับ

                                       ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก


อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ (Betong Mong Kol Rit Tunnel)


                                                     อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์

ตั้งอยู่  ณ  บริเวณถนนอมรฤทธิ์ตัดกับถนนภักดีดำรง  เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย  สร้างขึ้นเพื่อรองรับปัญหา

การจราจร  และการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบัน  กับชุมชนเมืองใหม่  บริเวณถนนอัยเยอร์เบอร์จัง  ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก  มีความ

ยาว  273  เมตร  กว้าง  เมตร  สูง  เมตร  ผิวการจราจรคู่กว้าง  เมตร  รถวิ่งได้ด้วยความเร็ว  60  กิโลเมตรต่อชั่วโมง  มีทางเดินเท้าข้างละ  เมตร  มีรางระบายน้ำทั้งสองข้างถนน  มีการติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอดตัวอุโมงค์เพื่อความปลอดภัย  พร้อมระบบระบายอากาศตามหลักวิศวกรรมสากลครับ


และที่อยากให้เยี่ยมชมอีกหนึ่งสถานที่ คือ สนามกีฬากลางหุบเขา ครับ ซึ่งใครจะรู้ว่าในพื้นที่กลางหุบเขาเช่นนี้ จะมีความยิ่งใหญ่ของสนามกีฬา เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของชาวเบตง ที่นอกจากใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแล้วสถานที่แห่งนี้ ยังเป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ในระดับความสูงที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย


อุโมงค์ปิยะมิตร (Piyamitr Tunnel)


อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา เมื่อปี พ.ศ. 2519 มีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง  ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ


ภายในอุโมงค์มีความกว้างพอสำหรับคนเดินได้  มีความยาวของอุโมงค์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ในอดีตมีทางเข้า-ออก 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง โดยปัจจุบันยังคงมีกลิ่นอาย และร่องรอยของการ
ดำรงชีวิตที่หลงเหลืออยู่ครับ


และที่จะขาดไปไม่ได้เลย ก็คือ ป้ายใต้สุดในสยาม ยังไงล่ะครับ

ป้ายใต้สุดสยาม   (The Southern)



หลักเขตป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนสุขยางค์ ตามทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ความเป็นที่สุดของสถานที่นี้คือ ป้ายที่มีข้อความว่า “ใต้สุดสยาม” และรูปแผนที่ประเทศไทยสีทองซึ่งสลักบนหินอ่อน เพื่อการันตีว่าเป็นจุดสุดท้ายของผืนแผ่นดินไทยทางตอนใต้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกัน ว่าได้มาเที่ยวแล้วครับ
 และมีสถานที่อีกที่หนึ่งที่แนะนำให้ทุกท่านได้ไปเยือน ซึ่งก็คือ สวนดอกไม้เมืองหนาว งงกันใช่ไหมล่ะครับ ว่าที่เบตงจะมีสวนดอกไม้เมืองหนาวได้ยังไงครับ ซึ่งทำให้เราอยากรู้เหมือนกันว่าที่ใต้สุดแดนสยาม จะมีสวนดอกไม้เมืองหนาวได้อย่างไร อากาศมันจะหนาวเหรอ ?? มันสูงแค่ไหนกันเชียว ??? ถึงwfhปลูกดอกไม้พวกนี้ได้ , ณ จุดนี้สูงมากกว่า 800 เมตร จากระดับน้ำทะเลครับ ทำเลอยู่ในหุบเขา ดูแล้วน้ำท่าบริบูรณ์ ถึงว่า ดอกไม้เมืองหนาวจึงมีขายอยู่ในตลาดเบตง และมีแหล่งปลูกอยู่ที่นี่นั่นเอง เป็นโครงการดอกไม้เมืองหนาว อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯครับ


สถานที่ท่องเี่ที่ยวในเบตง ยังมีอีกมากมายหลายที่ อาทิ  ศาลเจ้าโต๊ะนิ ,ป่าบาลา-อาบา,วัดกวนอิม ,ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนเมืองเก่า บ้านกาแป๊ะกอตอ ,อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และบ่อน้ำร้อนเบตง เป็นต้น
อาหารขึ้นชื่ออย่างแรกต้่อง ไ่ก่สับเบตง ครับ

ปลาจีนนึ่งบ๊วย” ( Steamed Chinese Fish with Plum ) 

หมี่เบตง และซีอิ๊วเบตง (Betong Noodles & Betong Soya Sauce)

หมี่เบตง เป็นอาหารขึ้นชื่อของเบตง มีคุณสมบัติพิเศษ คือเส้นเหนียวนุ่ม เมื่อนำไปผัดเส้นจะไม่ขาด ทำให้ผู้ที่ได้รับประทานติดใจในความเหนียวนุ่มของเส้นหมี่ หมี่เบตงมี 2 ชนิด คือ หมี่สีเหลืองเหมือนหมี่ทั่วไป ที่จะต้องนำไปนึ่งให้สุกแล้วนำมาจับเป็นก้อน เอาไปผึ่งแดดแล้วบรรจุลงถุง ส่วนหมี่ซั่วนั้นมีเส้นสีขาว ซึ่งต่างกันที่หมี่ซั่วนั้นไม่ต้องนึ่ง แต่นำไปตากแดดแทน ส่วนซีอิ๊วเบตง ซีอิ๊วที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ยังมีอาหารคาวหวานให้ได้ชิมอีกมากมาย อาทิเช่น เฉาก๊วยโบราณ 

ขอจบด้วยภาพแห่งความสุข ความประทับใจ สำหรับเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งขวานทองของไทยเรากันครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น